เดินเล่น ดาษดาแกลเลอรี่ สถานที่สวยงามสำหรับคนชอบงานศิลป์ และเซลฟี่

     ต้นปีนี้ผมได้มีโอกาสไปเดินเล่นดาษดาแกลเลอรี่มาครับ ด้วยสาเหตุที่เห็นเพื่อนไปถ่ายรูปมาแล้วสวย  อยากไปบ้างเลยรบเร้าเพื่อนให้พาไป ส่วนเรื่องงานดอกไม้ที่สุดยิ่งใหญ่แห่งปีนั้น ไม่ได้สนใจเลยครับ เพราะไม่รู้ว่าดอกอะไรเป็นอะไร ได้แต่ดูว่ามันสวยงามนะ แค่นั้นแหละ

     ดาษดาแกลเลอรี่นั้นอยู่ที่เขาใหญ่ ปราจีนบุรี (พิกัด 14.195036, 101.384617)

     พอเข้ามาที่ดาษดาแกลเลอรี่นั้น ทางที่ผมเข้ามาเป็นจุดจอดรถข้างหน้าเลย โดยเสียค่าผ่านประตูคนละ 200 บาท  แล้วก็พบเห็น...

นกเป็ดน้ำบิน???

รังผีเสื้อหละมั้ง?

Mask rider !?

Doraemon !!!

     หลังจากนั้นก็เดินไปตามทาง ผ่านตลาดน้ำ เพื่อมุ่งเข้าสู่ตัวแกลเลอรี่ เพื่อที่จะได้ชมดอกไม้และงานศิลป์ต่าง ๆ ...

     หลังจากชมทั่วแกลเลอรี่เสร็จก็ได้เวลาไปชมจุดอื่น ๆ  ต่อ โดยส่วนต่อไปที่จะไปนั้นคือ Secret Garden ที่ตรงข้ามกับทางเข้าจะมีมุมสวย ๆ  งาม ๆ  ไว้ให้ถ่ายรูปอีกเช่นเคย ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เป็นห่วงว่าผมจะไม่ได้ถ่ายรูปตัวเอง ถึงกับเดินมาถามว่าให้ถ่ายให้มั้ย... แต่ไม่เป็นไรครับ ไม่ชอบถ่ายรูปหน้าตัวเอง...

    เมื่อเดินเข้าไป พบว่าที่ห้องนี้จะจัดแสดงเป็นรอบ ๆ  หมุนตามเวลาจำลองกลางวันกลางคืน ด้วยความอยากรู้จึงรอให้ถึงรอบกลางคืน เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าจะมีไฟสวย ๆ  งาม ๆ  ให้ถ่าย พอรอจนถึงเวลา ก็พบว่าจะมีการปิดกั้นแสงที่ส่องเข้ามาในห้องนี้ทั้งหมด โดยจะให้นักท่องเที่ยวนั่งรวมกันบริเวณกลางห้อง แล้วเริ่มเปิดเพลงเบา ๆ  ให้เคลิบเคลิ้ม พร้อมทั้งเปิดไฟส่องดอกไม้ให้ชมกัน... แต่สำหรับผม น่าเบื่อครับ ไปดูอย่างอื่นต่อดีกว่า

Night @ Secret Garden

    หลังจากนั้น ผมกับเพื่อน ๆ ก็ไปต่อที่จุดต่อไปก็คือบรรยากาศจำลองโรงนา ที่มีวัวนมให้ดู และสวนสัตว์ของที่นี่

โรงนาดาษดา

เจ้าหน้าที่ให้นมวัว ตาโตเชียว

ให้อาหารนกจากบนมือ

     สำหรับการเดินเที่ยวในส่วนของกลางวันที่เหลือนั้นอยู่ไกล พวกเราจึงตัดสินใจไม่ไปต่อ (ขี้เกียจนั่นเอง) และรอดูส่วนของกลางคืนต่อ ซึ่งที่ดาษดาจะทำการเปิดไฟตามจุดต่าง ๆ  เป็นแสงสีสวยงาม รวมทั้งมีไฮไลท์เด่นของที่นี่ที่ใคร ๆ  มาก็จะพากันถ่ายรูปคืออุโมงค์ไฟ และน้ำพุแสงสีด้วยนั่นเอง โดยส่วนของน้ำพุเสียค่าบัตรเพิ่มอีกคนละ 50 บาท

ต้นไม้กับโคมไฟ มันก็สวยอยู่หรอก แต่ถ่ายออกมาแล้วน่ากลัวได้ไงไม่รู้...

ไฟประดับเป็นรูปดอกไม้

อุโมงค์ไฟ Twist tunnel

นกเป็ดน้ำบินที่เห็นเมื่อตอนเดินเข้ามาตอนแรก

สรุป
     - แนะนำสำหรับคนชอบงานศิลป์ ถ่ายรูปตัวเอง เซลฟี่ ครับ

--- Share this ---

อ่านต่อ...

วัดสระมรกต สถานที่แห่งรอยพระพุทธบาทคู่

     ครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งครั้งที่แวะไปเรื่อยระหว่างทาง โดยคราวนี้ผมได้แวะไหว้พระที่วัดสระมรกต อ.ศรีมโหสภ จ.ปราจีนบุรี (พิกัด 13.863249, 101.426038) ซึ่งถือเป็นวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องของรอยพระพุทธบาทคู่ ที่ผู้คนต่างมากราบไหว้กันเป็นประจำ

     ก่อนอื่นเมื่อมาถึง ก็ขอเข้าโบสถ์ไหว้พระประธานสักหน่อย ก่อนจะไปยังรอยพระพุทธบาทคู่ ซึ่งโบสถ์ของวัดนี้จะสร้างด้วยหินอ่อนและประดับด้วยสแตนเลสทั้งหลัง ดูสวยงามมาก ๆ  เลยทีเดียว แม้แต่ประตูโบสถ์ยังเป็นงานแกะสลักที่สวยงามมาก

โบสถ์วัดสระมรกต

พระประธาน

ประตูโบสถ์

     หลังจากนั้นก็ไปไหว้พระขอพรจากพระพุทธเมตตา ซึ่งเป็นองค์จำลองจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย

พระพุทธเมตตา

     แล้วจึงไปไหว้รอยพระพุทธบาทคู่ต่อ แต่ระหว่างทางเห็นของสวย ๆ  งาม ๆ  นั่นก็คือดอกสุพรรณิการ์ที่ร่วงหล่นไปทั่วพื้น จึงไม่พลาดเก็บรูปสักหน่อย

ดอกสุพรรณิการ์

     รอยพระพุทธบาทคู่นั้นจะมีทั้งของจริงขนาดใหญ่ และขนาดจำลองเพื่อให้เห็นภาพง่าย ๆ รวมทั้งบริเวณนี้ยังมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้ตักขึ้นมาล้างหน้าล้างมือกันด้วย

รอยพระพุทธบาทคู่จำลอง

รอยพระพุทธบาทคู่

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

ต้องสาวถังน้ำขึ้นมาเอง

--- Share this ---

อ่านต่อ...

เที่ยวภูทับเบิก - ภูหินร่องกล้า ในวันที่หมอกหนาเวอร์

หมอกอย่างหนา....

     เมื่อวันเด็กที่ผ่านมา ผมและเพื่อนได้มีโอกาสไปเที่ยวเพชรบูรณ์มา เป้าหมายที่เราตั้งไว้คือภูหินร่องกล้า พวกเราออกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเหมือนเคย ออกจากกรุงเทพตอน 2 ทุ่ม โดยใช้เส้นทางมุ่งไปยังสระบุรี แล้วตัดตรงไปเพชรบูรณ์ทันที ไม่มีการแวะที่ใด รวมทั้งปั๊มด้วย เพราะเส้นทางที่พวกเราเลือกนั้น ยามตกดึกปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่ได้หยุดให้บริการ ทำให้พวกเราไม่มีจุดแวะเลยได้แต่มุ่งไปตามทางเพื่อไปยังเป้าหมาย จนกระทั่งเราไปถึงหล่มเก่าประมาณตี 2 จึงเจอปั๊มที่มีผู้คนมากมายจอดรถพักผ่อนกันก่อนเดินทางต่อ ซึ่งเส้นทางที่เหลือนั้นเป็นเส้นทางขึ้นภูเขาแล้ว พวกเราจึงขอนอนพักผ่อนที่ปั๊มนี้บ้าง

     พอเวลาประมาณตี 4 ผมก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะข้าง ๆ มีรถขายของจอดต่อรองราคากับผู้ซื้ออยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร วันนี้พักผ่อนเพียงพอแล้วสำหรับผม พวกเราจึงเติมพลังงานให้ร่างกายก่อนออกเดินทาง และตรงไปยังเป้าหมายของเราต่อ

     การเดินทางขึ้นภูเขาของพวกเรานั้นใช้ความเร็วไม่มาก เนื่องจากเส้นทางอันคดเคี้ยว รวมทั้งโค้งตัว S จำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้ยากลำบากอะไร เนื่องจากไม่มีรถคันอื่นร่วมทางเลย ทำให้ขับขึ้นเขาได้อย่างสบาย ๆ มาก

     พวกเราขึ้นไปถึงภูทับเบิกประมาณตี 5 ครึ่ง จากเดิมที่ไม่ได้คิดจะแวะที่นี่เลย แต่ไหน ๆ  ก็ผ่านแล้ว จึงต้องขอโฉบเข้าไปชมความงามอย่างคนอื่นบ้าง แต่สิ่งที่เราได้พบนั้นคือ จำนวนนักท่องเที่ยวที่แน่นขนาดที่ต้องนอนในรถกันเลยทีเดียว รวมทั้งหมอกที่หนามาก ๆ  ขนาดที่ว่าผมยืนรออยู่ 2 ชั่วโมง ก็ยังไม่มีช่วงที่ฟ้าเปิดให้ได้ถ่ายรูปงาม ๆ  สักครั้ง Bad luck สุด ๆ 

เส้นทางที่พวกเราใช้ขึ้นมายังภูทับเบิก

หมอกหนา ๆ  ณ ภูทับเบิก ยืนรอ 2 ชั่วโมงได้หมอกจางแค่นี้แหละ

     หลังจากยืนรอหมอกจางลงจน 7 โมงกว่า ผมก็หมดความอดทน จึงได้ชวนเพื่อนตรงไปยังเป้าหมายของพวกเรากัน นั่นก็คือภูหินร่องกล้า ซึ่งอากาศในวันนี้นับว่าเย็นสบายสุด ๆ  เปิดหน้าต่างรถ ขับกินหมอกไปเรื่อย ๆ  จนเจอจุดแวะนั่นก็คือทางขึ้นผาชูธง ก่อนหน้านั้นก็จะมีพวกน้ำตกต่าง ๆ  แต่ด้วยความที่ขับรถชิมบรรยากาศเพลิน เลยไม่ได้แวะ

     ที่ผาชูธงนั้น จะมีเส้นทางให้เดินอย่างสะดวกสบายมาก ๆ  ไปตามจุดต่าง ๆ  ได้แก่ สุสานนักรบ ลานหินปุ่ม ผาชูธง แล้ววนกลับมายังทางเข้า ซึ่งพวกเราเลือกที่จะพักทานมื้อเช้า และชมบรรยากาศบริเวณทางเข้าก่อน แต่ด้วยความที่เพลินมาก จนเห็นนักท่องเที่ยวเริ่มมาถึงกัน ทำให้พวกเราต้องรีบกินแล้วรีบไปเดินชมบรรยากาศ ก่อนที่ฝูงชนจะเนืองแน่นจนไม่สามารถถ่ายรูปได้

ดอกนางพญาเสือโคร่งดอกน้อย ๆ

ลานหินซ้อน

ลานหินปุ่ม

หมอกหายไปแป๊บเดียว ก็ต้องรีบถ่าย!

ทางเดินไปผาชูธง

ถึงแล้วผาชูธง แต่เค้าห้ามขึ้นไปถ่ายรูปกับธง... อดเลย

วิวจากผาถัดจากผาชูธง จำชื่อไม่ได้ แป่ว...

     หลังจากเดินวนจนครบรอบ พวกเราก็มุ่งไปยัง อช. ภูหินร่องกล้าต่อทันที เพื่อจับจองที่กางเต๊นท์ เส้นทางไปก็ไม่ไกลเท่าไรนัก

อุทยานฯ ภูหินร่องกล้า

     หลังจากมาถึงและสอบถามข้อมูลจากทางเจ้าหน้าที่ของอุทยานแล้ว พวกเราก็ตรงไปยังจุดกางเต๊นท์ ซึ่งสิ่งที่พวกเราได้พบนั้นคือ บรรยากาศที่เงียบสงบ โล่งสุด ๆ  โล่งจนไม่จำเป็นต้องจับจองจุดกางเต๊นท์เลยทีเดียว เพราะยังไงก็ว่างให้กางเต๊นท์แน่ ๆ พวกเราจึงเลือกที่จะออกท่องเที่ยวต่อทันที ไม่เสียเวลาเท่าไร โดยพวกเรามุ่งไปยังน้ำตกขมิ้นน้อย โดยหวังว่าจะได้ถ่ายรูปน้ำตก แต่ความ FAIL ก็มาเยือน เพราะพวกเราลืมคิดไปว่าช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ซึ่งน้ำน้อยมาก ๆ  แต่ไม่เป็นไร ฝั่งตรงข้ามของน้ำตกคือทางเข้าไปสู่โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้านั่นเอง

     ที่โครงการฯ นี้จะมีไม้ดอกนานาพันธ์ให้ชมกัน ตอนที่พวกเราไปถึงนั้นหมอกยังคงจางอยู่ ทำให้พวกเราได้ถ่ายรูปสักพักนึง แต่หลังจากนั้น หมอกก็ไล่ตามหลังเรามาจนไม่สามารถถ่ายรูปได้อีกต่อไปเพราะในหมอกนั้นแฝงไปด้วยฝนพรำ ๆ กลัวกล้องพังนั่นเอง...

ยืนรับหมอกสักหน่อยก่อนจากไป

     หลังจากนั้นพวกเราก็เลือกที่จะไปยังจุดต่อไปต่อ นั่นคือโรงเรียนการเมืองการทหาร เพื่อจะได้ถ่ายรูปเมเปิลแดง แต่เนื่องจากนักท่องเที่ยวมากันเยอะมากแล้ว จึงทำให้การถ่ายภาพของผมเป็นไปได้อย่างยากลำบากมาก ๆ

เมเปิลแดง ณ โรงเรียนการเมืองการทหาร

     หลังจากนั้น ทั้งหมอกและฝนก็ตามมาอีก จนในที่สุดพวกเราก็ตัดสินใจว่า คงจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะถ้าหมอกและฝนเยอะขนาดนี้ จุดเที่ยวต่าง ๆ  ก็คงไม่เหลือบรรยากาศสวย ๆ  งาม ๆ  ให้ถ่ายรูปได้ง่าย ๆ  อีกต่อไป พวกเราจึงลองโทรถาม อช. ต่าง ๆ  ทั้งในเพชรบูรณ์ และเลย เผื่อว่าจะมีที่ไหนที่ไม่มีฝนตกลงมาบ้าง แต่ก็ต้องแห้วอีก พวกเราจึงเลือกที่จะเดินทางกลับกรุงเทพทันที แต่ก็นับว่าเป็นความโชคดีของการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วัน พวกเราก็ได้เห็นข่าวว่าวันอาทิตย์ที่พวกเราไม่ได้อยู่เที่ยวต่อนั้น ฝนตก ถนนเละเป็นโคลน และเกิดอุบัติเหตุด้วย

สรุป
     - ทริปนี้เหมือนจะเร่งด่วนไปหมด แต่จริง ๆ  ไม่มีใครเหนื่อยกันสักคน เพราะได้ใช้เวลาแต่ละสถานที่เต็มที่สุด ๆ 

--- Share this ---

อ่านต่อ...