วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ถ้ำจอมพล ถ้ำใกล้กรุงกับแสงสวยงาม

     หากพูดถึงสถานที่เที่ยวในราชบุรีแล้ว เพื่อน ๆ  น่าจะนึกภาพตลาดน้ำดำเนินสะดวกและสวนผึ้งมาก่อนเป็นอันดับแรก ๆ  หากจะพูดถึงถ้ำ ก็คงไม่พ้นถ้ำเขาบิน ถ้ำที่มีแสงสีสวยงามตระการตาและตั้งอยู่ระหว่างทางไปสวนผึ้งพอดิบพอดี แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่ายังมีอีกหนึ่งถ้ำ ที่ซึ่งมีความสวยงามไม่ด้อยไปกว่ากันเลย

     ถ้ำจอมพล เป็นถ้ำที่ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า รัชกาลที่ 5 ถ้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับ ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง (13.624874, 99.586836) สามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถประจำทาง บรรยากาศรอบข้างและภายในถ้ำเย็นสบายในทุกวัน โดยเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08.00-16.00 น. ค่าเข้าชม 10 บาทสำหรับเด็ก และ 20 บาทสำหรับผู้ใหญ่

     ถ้ำจอมพลแห่งนี้มีความสวยงามของหินงอกหินย้อยหลากหลายแบบ และภายในนั้นมีพระพุทธรูปให้สักการะอีกเช่นกัน แต่สิ่งที่ถือเป็นจุดดึงดูดของเหล่าตากล้องคงไม่พ้นความสวยงามของแสงที่ส่องลงมาผ่านผนังถ้ำได้พอดิบพอดี 

     หากใครต้องการไปถ่ายรูปให้สวยงาม ควรเลือกไปในวันที่ฟ้าเปิด แดดแรง และเวลาที่เหมาะสมกับการถ่ายรูปที่สุดคือช่วงเที่ยงวันถึงบ่ายโมง ส่วนฤดูกาลนั้นควรเป็นฤดูร้อน

     ส่วนวันที่ผมได้แวะเข้าไปนั้น เป็นช่วงฤดูฝนซึ่งหาโอกาสได้อย่างยากมาก เพียงแต่ในวันที่ผ่านไปนั้นฟ้าเปิดสุด ๆ เหมือนจะเชื้อเชิญให้ผมแวะเข้าไปถ่ายรูป ดังนั้นจึงไม่พลาดที่จะแวะไปเข้าชมสักครั้งหนึ่ง

     บริเวณทางเข้าถ้ำนั้น มีฝูงลิงอยู่มากมาย ทางเจ้าหน้าที่ได้ห้ามให้อาหารและเล่นกับฝูงลิงเหล่านี้ เนื่องจากไม่เชื่อง และดุอยู่พอตัว ผมจึงเดินเข้าไปในถ้ำอย่างเร่งด่วน และภาพที่พบเห็นนั้น ก็ทำเอาลืมเก็บภาพส่วนที่เหลือในถ้ำไปเลย (รอบหน้าแก้ตัวใหม่!!) 

แสงสาดส่อง
จุดที่แสงลอดผ่านผนังถ้ำ


แมวน้อยอยู่กันเป็นครอบครัว
เจ้าถิ่นในถ้ำ
สรุป
     - ใกล้ ๆ  เมือง เดินทางสะดวก หากผ่านไปในวันที่ฟ้าเปิด ควรแวะอย่างยิ่ง

--- Share this ---
อ่านต่อ...

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เลย์ รสอิตาเลี่ยนซูพรีมชีส

     ทุกวันนี้มีขนมขบเคี้ยวออกรสชีสมามากมาย ซึ่งหลาย ๆ  แบรนด์นั้น รสชาติของชีสแทบไม่ต่างกัน จนตัวผมยังเคยคิดเล่น ๆ  ว่าทำไมไม่มีเลย์รสชีสบ้างนะ แบรนด์อื่นเค้าออกมากันหมดแล้ว แต่แล้วในวันนี้สิ่งที่คิดก็เป็นจริง เมื่อผมเดินเข้า 7-11 แล้วเหลือบไปเห็นเลย์สีใหม่ ๆ  ที่เกี่ยวกับชีสออกมาหลายรส

     ส่วนในวันนี้ขอหยิบรสอิตาเลี่ยนซูพรีมชีสมาลองละกัน อยากรู้ว่าจะต่างยังไงกับแบรนด์อื่นบ้างนะ

เลย์ รสอิตาเลี่ยนซูพรีมชีส
ข้างหน้าซอง
อิตาเลี่ยนซูพรีมชีส
ซูมชัด ๆ
ข้างหลังซอง
คำบรรยายดูดีนะเนี่ย ! อย่างนี้ต้องลอง...
     อ่านคำบรรยายแล้วก็หืมมมม มันจะห้ามพลาดขนาดไหนเชียวนะเจ้าเลย์รสนี้... ว่าแล้วก็จ่ายเงิน จะได้กินสักที

หน้าตาธรรมดา
หน้าตาก็ธรรมดา (แล้วจะให้มันพิศดารยังไงหะ?)
ขนมแค่ก้นห่อ
ส่องสักหน่อย ห่อใหญ่ๆ ขนมก้นห่อเหมือนปกติ




     เมื่อลองทานเข้าปากคำแรก ผมก็พบกับสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้ต้องมองที่ห่ออีกครั้งว่าหยิบห่อผิดหรือเปล่าเนี่ย!!!  ทำไมรสชาติมันเหมือนรสซาวครีมและหัวหอมกันหละเนี่ย!!?? เลยหยิบกินต่ออีกหลาย ๆ  คำ อืม.... เริ่มรับรู้รสชาติของซีสได้แล้ว ที่แท้มันเป็นรสชาติแฝงนี่เอง หอมชีสอ่อน ๆ  ยิ่งกินยิ่งหอมขึ้นเรื่อย ๆ  เหมือนชีสมันติดปากเลยแฮะ ก็กินไปเรื่อย ๆ  ด้วยความเพลิดเพลิน ยิ่งกินเยอะยิ่งพบว่า กลิ่นชีสรุนแรงขึ้นจนถึงระดับที่พึงพอใจ ถ้าจะให้เทียบแล้วถือว่าใช้ได้เลยครับ รสชาติต่างกับขนมขบเคี้ยวแบรนด์อื่น ๆ  สิ้นเชิงที่ชีสออกเค็มนำอย่างเดียว เหมือนกันหมด ส่วนของเลย์นั้นให้ความรู้สึกคล้ายเชสด้าชีสที่ขายตามห้างเลยทีเดียว

สรุป
     - ถ้าชอบชีส และเบื่อรสชาติชีสเดิม ๆ  ของขนมขบเคี้ยวอื่น ๆ  ก็จัดเลยครับ
     - ความหอมแรก ๆ  จะแทบไม่รู้สึก ต้องกินไปเยอะพอควรถึงรู้สึกถึงชีส

--- Share this ---
อ่านต่อ...

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นในหน้าฝน

     ทริปนี้เป็นทริปต่อเนื่องจากทริปสังขละบุรี หลังจากที่พวกเราเดินทางกลับจากสังขละบุรี พวกเราเลือกที่จะเดินทางต่อไปยังน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น (พิกัด GPS 14.638072, 98.986648) ซึ่งจากสังขละบุรีนั้น สามารถเดินทางไปยังน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นได้หลายเส้นทาง แต่ทว่าเส้นทางสั้น ๆ  ทั้งหลายนั้น (ประมาณ 110 กม.) จะต้องเดินทางด้วยรถยนต์ 4WD เท่านั้น พวกเราจึงเลือกเดินทางที่อ้อมมากที่สุด (ประมาณ 245 กม.) เนื่องจากรถที่นำไปนั้นทำได้แค่นี้

     ซึ่งก็คือการเดินทางย้อนจากสังขละบุรีมาถึงไทรโยคแล้วเลี้ยวเข้าถนน 3457 มุ่งไปยังเขื่อนท่าทุ่งนา แล้วไปตามทางผ่านน้ำตกเอราวัณจากนั้นวิ่งตามเส้นทางไปเรื่อย ๆ  จนถึงอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งเส้นทางนี้ถนนลาดยางเรียบร้อยแล้ว สามารถนำรถขึ้นไปได้อย่างสะดวกสบาย เส้นทางขึ้นลงภูเขาชันบ้างนิดหน่อย

     น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ในบริเวณของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ถือเป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยอันดับต้น ๆ  ของประเทศไทย น้ำตกแห่งนี้แบ่งเป็นทั้งหมด 7 ชั้น สามารถเดินชมได้ครบทุกชั้นโดยไม่เหนื่อย ระยะทางรวมประมาณ 2,270 เมตร หากนำรถขึ้นมาพักถึงลานกลางเต๊นของอุทยาน จะเป็นบริเวณหน้าน้ำตกชั้น 4 ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการพักผ่อนยิ่งขึ้น


ชั้นที่ 4 ฉัตรแก้ว
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นชั้นที่ 4 ฉัตรแก้ว

     โดยการมาเยือนน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นในครั้งนี้นั้น พวกเราไม่ได้เตรียมการมาเลย นึกจะมาก็มาทันที ซึ่งตรงกับช่วงวันหยุด โอกาสที่จะมีที่พักให้เราเลือกนั้นแทบไม่มีเลย พวกเราจึงเตรียมใจที่จะนอนบนรถมาแต่เนิ่น ๆ  แต่ก็เหมือนสวรรค์ได้ช่วยเรา เนื่องจากเหลือเต๊นท์ของทางอุทยานหลังหนึ่งพอดี พวกเราจึงเลือกพักผ่อนในเต๊นท์แทน


จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น
ลานกลางเต๊นท์ที่สามารถชมวิวเขื่อนได้ทันที อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น

     ที่น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นนั้น มีร้านค้า ร้านอาหารของทางอุทยานให้เลือกมากมาย ซึ่งถือเป็นความสะดวกสบายอย่างหนึ่งเลยทีเดียว ห้องน้ำก็มีมากมายไม่ต้องแย่งกัน รวมทั้งพื้นที่ยังกว้างขวางขนาดเลือกจุดกางเต๊นท์ได้ตามสบายเช่นกัน

     หลังจากที่พวกเราได้ทำเลกางเต๊นท์เรียบร้อยแล้ว พวกเราจึงเลือกที่จะเดินชมน้ำตกส่วนหนึ่งก่อนที่จะถึงเวลารับประทานมื้อเย็นกัน แต่เนื่องจากขณะที่เราไปมีการซ่อมแซมทางเดินที่จะลงไปยังชั้นที่ 1 อยู่ พวกเราจึงลงไปได้แค่ชั้นที่ 2 เท่านั้น


ม่านขมิ้น
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นชั้นที่ 2 ม่านขมิ้น
ทางลงชั้นที่ 1
ระหว่างทางลงชั้นที่ 1
ทางลงชั้นที่ 1
ระหว่างทางลงชั้นที่ 1
สุดทางแล้ว
ระหว่างทางลงชั้นที่ 1 สุดทางของเรา
     เนื่องจากชั้นที่ 3 เป็นชั้นที่มีคนมาเล่นน้ำเยอะมากที่สุด พวกเราจึงเลือกที่จะผ่านไปก่อนแล้วค่อยมาใหม่ในตอนเช้า หลังจากที่เดินย้อนกลับขึ้นมายังชั้นที่ 4 หรือลานกลางเต๊นท์นั้น ก็ได้เวลาทานมื้อเย็นพอดิบพอดี ผมจึงเลือกอาหารที่ทานง่าย ด่วน และให้พลังงานมากที่สุด โดยไม่กลัวอ้วนเลยทีเดียว


ไก่ทอดไก่ต้ม
แม้แต่ข้าวมันไก่ยังมีขายบนนี้
     หลังจากนั้นจึงอาบน้ำเข้าพักผ่อนกัน ในค่ำคืนฤดูฝนเช่นนี้ เนื่องจากมีเมฆมากเป็นพิเศษ ทำให้เป็นที่น่าเสียดายที่พวกเราไม่สามารถชมดวงดาวยามค่ำคืนบนสถานที่นี้ได้ พวกเราจึงได้แต่หวังว่าเช้าในวันต่อมา พวกเราจะเก็บดวงอาทิตย์ขึ้นเป็นการชดเชย... แต่แล้วเหตุการณ์ก็ไม่เป็นดั่งฝัน เนื่องจากยามเช้าก็ยังเมฆเยอะเช่นกัน ทำให้ไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้น (เศร้าอย่างแรง) ทั้งผมและเหล่าตากล้องกลุ่มอื่น ๆ  ถึงกับคอตกกันหมด ทั้ง ๆ  ที่แต่ละคนต่างตั้งกล้องรอพระอาทิตย์ขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ

     เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พวกเราจึงเลือกที่จะชมน้ำตกส่วนที่เหลือต่อ โดยมุ่งขึ้นไปยังชั้นที่ 7 ในขณะที่ยังไม่มีใครขึ้นไปเพื่อจะได้เก็บภาพได้เต็มอรรถรสสุด ๆ ส่วนชั้นที่ 5 ไม่ได้ถ่ายเนื่องจากชั้นนี้เป็นชั้นที่เรียกว่าไหลจนหลงเพราะมองไปไม่เจอสายน้ำตกเลย มีแต่ก้อนหินเป็นรูเล็ก ๆ ให้ดูกัน


ดงผีเสื้อ
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นชั้นที่ 6 ดงผีเสื้อ
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นชั้นที่ 6
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นชั้นที่ 6 ดงผีเสื้อ น้ำตกชั้นนี้กว้างมากจนถ่ายเก็บไม่หมดจริง ๆ
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นชั้นที่ 7
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นชั้นที่ 7 ร่มเกล้า
ร่มเกล้า
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นชั้นที่ 7 ร่มเกล้า เป็นชั้นบนสุดของที่นี่แล้ว หากจะไปต่อจะต้องเคลียร์เส้นทางเอง
     หลังจากถ่ายภาพจนเป็นที่พอใจแล้ว พวกเราจึงย้อนกลับมาที่ชั้นที่ 3 เล่นน้ำตกกัน ซึ่งชั้นนี้จะสามารถเล่นกระโดดน้ำได้อย่างเต็มที่ และน้ำก็ไม่ลึกด้วยเช่นกัน แต่ผมก็เกือบทำเพื่อนร่วมทางจมน้ำเพราะเพื่อนว่ายน้ำไม่เป็น ต้องรีบไปคว้าไว้ก่อนเพื่อนจะหมดแรง (แอบสะใจ เอ้ยเสียใจ) หลังจากนั้นก็ทานมื้อเช้าและเดินทางกลับกัน

สรุป
     - เป็นน้ำตกที่สวยงามคุ้มค่าแก่การมาเยือนมาก ๆ
     - การเดินทางไม่ยากลำบาก หากมาจากตัวเมืองกาญจนบุรี ระยะทางเพียง 120 กม.
     - สามารถเลือกพักได้หลายแบบ ทั้งนอนแพ บ้านพัก และกางเต๊น
     - ค่าใช้จ่ายที่น้ำตกนี้ประหยัดมาก ๆ  เพราะบริหารโดย อช. ทั้งสิ้น

--- Share this ---
อ่านต่อ...

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ป๊อบคอร์นตลาดนัดกับแพคเกจแบบใหม่

     ป๊อบคอร์น หรือข้าวโพดคั่วนัั้้น เป็นอาหารว่างอย่างหนึ่งที่หาซื้อได้ทั่วไปตั้งแต่ตามตลาดนัดจนไปถึงตามห้างสรรพสินค้าชื่อดัง มีหลายเกรดหลายราคาตั้งแต่ไม่กี่บาทยังหลายร้อยบาทหรือมากกว่านั้น

     ไม่ว่าใครที่เคยเดินตามตลาดนัด คงจะเคยพบเห็นป๊อบคอร์นใส่ถุงใส่อาหารสีใสวางขายทั่วไป ในราคาสิบบาท ยี่สิบบาทมาแล้ว แต่หารู้ไม่ วันนี้...ผมได้เจอป๊อบคอร์นในแพคเกจแบบใหม่!!!


ป๊อบคอร์น
ยี่ห้อ หรือแค่บอกว่ามันคือป๊อบคอร์น???
ถุงใหญ่ๆ
ถุงใหญ่ขนาดนี้ เพียง 25 บาทเท่านั้น

     แต่คือ... ไม่ได้ซื้อเองหรอกนะ แม่ซื้อมาให้กิน เพราะแพคเกจมันแปลกดี... พอผมเห็นปุ๊บก็... หืม...??? มีหลายรสให้เลือกด้วยอ่ะ ยิ่งตาวาวตอนเห็นว่ามีรสซีส แต่ก็โดนแม่ดักคอว่า "มันมีแค่เค็มกับหวานแค่นั้นแหละ" 

     แพคเกจนี้มาในรูปแบบของถุงซีล กินเสร็จก็ซีลกลับได้สบาย ๆ ไม่น่าเชื่อว่าตามตลาดนัดเค้าพัฒนากันไปถึงขั้นนี้แล้ว ส่วนรสที่ได้ลองในคราวนี้คือรสหวาน หลังจากลองก็พบว่า... "มันก็แค่ป๊อบคอร์นรสหวานธรรมดานั่นแหละน่ะ แล้วเราคาดหวังอะไรกันนะ?"

สรุป
     - มันก็ป๊อบคอร์นธรรมดานั่นแหล่ะ

ปล. พิกัดคงไม่ต้องลง เพราะคงหากินได้ทั่วไป...

--- Share this ---
อ่านต่อ...

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สังขละบุรีในช่วงเวลาที่สะพานมอญขาด

     สังขละบุรีนั้นเป็นอำเภอเล็ก ๆ  ทางตะวันตกของประเทศติดกับชายแดนพม่า เป็นดินแดนที่ยังคงสภาพความสวยงามแบบพื้นบ้าน วัฒนธรรมชาวมอญ สิ่งปลูกสร้างที่เกิดจากแรงงานล้วน ๆ และสถาปัตยกรรมที่สวยงาม

     การเดินทางครั้งนี้ ผมและเพื่อน ๆ  เลือกที่จะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเหมือนเช่นเคย เพื่อที่จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศข้างทาง และแวะพักแวะชมในสถานที่ต่าง ๆ  ที่น่าสนใจ

     พวกเราเริ่มออกเดินทางกันตอนสาย ๆ  จากตัวเมืองกาญจนบุรี มุ่งหน้าตามถนนแสงชูโตไปทางน้ำตกไทรโยค แต่เป้าหมายเราไม่ใช่ที่นี่ เราจึงเดินทางไปต่อจนถึงจุดแวะพักแรกของเราตอนเที่ยงวันพอดี นั่นคือน้ำตกเกริงกระเวีย

     น้ำตกเกริงกระเวีย เป็นน้ำตกที่อยู่ในบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 323 (ทองผาภูมิ-สังขละบุรี) ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 173 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่สามารถมองเห็นได้จากบนถนน เป็นจุดพักรถยอดนิยมสำหรับผู้ที่เดินทางไป อช.เขาแหลม และสังขละบุรี


เบื้องหน้าน้ำตกเกริงกระเวีย
บรรยากาศน้ำตกจากบริเวณถนนหลวงมองเข้าไป
ด้านในน้ำตกเกริงกระเวีย
เมื่อเดินลึกเข้าไปนิดหน่อย จะพบจุดที่ผู้คนนิยมมาถ่ายรูปกัน
     หลังจากที่พักชมบรรยากาศ พร้อมทานอาหารกลางวัน พวกเราจึงออกเดินทางไปสังขละบุรีต่อ แต่แล้วระหว่างทางก็พบจุดน่าสนใจอีกแห่ง นั่นคือจุดชมวิวป้อมปี่

     จุดชมวิวป้อมปี่ เป็นจุดชมวิวที่อยู่ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนเขาแหลม ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ประมาณ 2 กิโลเมตร ห่างจากน้ำตกเกริงกระเวียประมาณ 10 กิโลเมตร บนถนนเส้นเดียวกัน เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ กางเต๊นหรือพักกับบ้านพักของอุทยานก็ได้ และมีกิจกรรมทางน้ำมากมายให้สัมผัส

จุดชมวิวป้อมปี่
บรรยากาศ ณ จุดชมวิวป้อมปี่
บรรยากาศ ณ จุดชมวิวป้อมปี่
บรรยากาศ ณ จุดชมวิวป้อมปี่

     เนื่องด้วยพวกเราต้องไปถึงที่หมายก่อนเย็น เพราะกลัวจะหาที่พักไม่เจอ จึงรีบออกเดินทางกันต่อ เส้นทางที่เหลือนั้นเป็นการขึ้นลงภูเขามากมาย ชันบ้าง ไม่ชันบ้าง แต่ก็ไม่ถือว่ายากต่อการขับขี่ แม้กระทั่งในตอนที่พวกเราไปนั้นเป็นฤดูฝนและฝนตกเป็นช่วง ๆ  ก็ตาม

     ที่พักที่พวกเราจองไว้นั้นคือที่ Coffee berry ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านกาแฟขึ้นชื่อของสังขละบุรีและอยู่ใกล้สะพานมอญมาก ๆ  แม้จะไม่ริมแม่น้ำก็ตามแต่ก็เดินจากที่พักเพียงไม่ไกล

     เมื่อพวกเราเก็บข้าวของและรอฝนซา พวกเราก็ออกเดินไปยังสะพานมอญเพื่อชมบรรยากาศของสะพานมอญซึ่งถือเป็นจุดขายสำคัญของเมืองสังขละบุรีแห่งนี้ (ในช่วงที่เราไปนั้นสะพานมอญกำลังขาดและยังซ่อมแซมไม่เสร็จ)

     สะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาว 850 เมตร และเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก สะพานนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เดินทางไปมาระหว่างชาวมอญและชาวไทยที่อาศัยในบริเวณนี้ โดยการนำของหลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม


สะพานมอญ
บรรยากาศจากบนสะพานมอญ มีสะพานไม้สร้างขึ้นมาใช้ข้ามฟากแทนชั่วคราวอยู่เคียงคู่กัน

เรือโดยสาร
เรือโดยสารที่แล่นไปมาทั้งวัน ณ บริเวณสะพานมอญ

สะพานไม้
เมื่อมองลงไปจากสะพานมอญจะเห็นบรรยากาศอย่างนี้เป็นประจำ

สะพานมอญขาด
สะพานมอญที่ขาดลงเพราะกระแสน้ำที่พัดพาท่อนซุงมามากมาย
     หลังจากนั้นพวกเราจึงไปต่อกันที่วัดวังก์วิเวการาม ซึ่งจะต้องเดินทางข้ามฟากจากฝั่งที่พักไปยังฝั่งหมู่บ้านมอญ

     วัดวังก์วิเวการาม หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะร่วมกับชาวบ้านชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญสร้างขึ้นมา เป็นวัดที่มีความสวยงามของสถาปัตตยากรรมหลายสิ่ง ซึ่งแต่เดิมนั้นอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ แต่หลังจากการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ทำให้น้ำท่วมบริเวณนั้น จึงย้ายมาสร้างอยู่บนเนินเขาใกล้เคียง

     เนื่องจากเวลาที่ไปถึงก็เย็นมากแล้ว แต่ด้วยเวลาจำกัดและชาวบ้านบอกกับเราว่าวันนี้จะมีประเพณีตักบาตรดอกไม้ที่วัด ซึ่งในหนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว พวกเราจึงรีบไปโดยไม่อยากพลาดการรับชมประเพณีนี้ จึงเก็บภาพมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น


พระพุทธรูป

พระพุทธรูปยิ้มพระประเทศไทยหลวงพ่ออุตตมะ



เด็กสาวมอญ
เด็กหญิงชาวมอญจุดเทียนตามประเพณี
หญิงชาวมอญ
หญิงสาวชาวมอญเริ่มนำดอกไม้จัดใส่แจกันอย่างสวยงามมาถวาย
ตั้งเหรียญ
ความเชื่อที่ว่าหากตั้งเหรียญบนรอยพระพุทธบาทได้สำเร็จจะสมหวังดังที่อธิษฐานไว้
ธูปเทียน
เชิงเทียนที่เต็มไปด้วยเทียนจากผู้มาสักการะบูชา ณ วัดหลวงพ่ออุตตมะแม้จะมืดค่ำแล้ว
     เช้าวันต่อมา เป้าหมายของพวกเรานั้นไม่ต่างกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ  ที่มาเที่ยวสังขละบุรี นั่นก็คือการทำบุญตักบาตรยามเช้า ณ หมู่บ้านมอญ ซึ่งที่นี่ทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจะมาต่อแถวเรียงรายอย่างพร้อมเพรียงรอเวลาที่พระออกเดินบิณฑบาตยามเช้า พวกเราจึงไปเข้าร่วมก่อนที่จะไปทานมื้อเช้ากัน
สาวมอญ
ไกด์สาวเจ้าถิ่น ผู้ซึ่งมีผู้คนนิยมขอถ่ายรูปด้วยมากมาย


เด็กสาวชาวมอญทูนของบนดอกไม้เพื่อหารายได้เสริม

ดอกไม้
ดอกเข้าพรรษา
ขนมขนมมอญ
ขนมทานเล่นระหว่างรอเวลา
ตักบาตร
บรรยากาศการทำบุญตักบาตรอย่างพร้อมเพรียงกัน (เหมือนแย่งกันมากกว่า 555)


ฝูงชนต่อแถว

ทูนโถข้าว
ปิดจ๊อบด้วยการทูนโถข้าวไว้หลายชั้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาร่วมถ่ายรูป
โจ๊กหมู
โจ๊กหมูชาวมอญ จากร้านดัง ณ บริเวณนั้น คนแน่นมากถึงขนาดต้องต่อคิวกันเลย
(รสชาติก็งั้น ๆ  เหมือนโจ๊กบ้านเรานั่นแหละ -"-)
     ภารกิจต่อไปของพวกเรานั้นคือการไปเยี่ยมชมโบสถ์จมน้ำ ซึ่งโดยปกติในฤดูฝนซึ่งมีน้ำมาก โบสถ์จะจมน้ำและเห็นเพียงส่วนบน แต่จะเพิ่มสถานที่เยี่ยมชมอื่นขึ้นมา หากน้ำน้อย จะได้เห็นโบสถ์ทั้งหลังแบบไม่จมน้ำ แต่จะไม่สามารถเยี่ยมชมที่อื่นได้ ส่วนวันที่เราไปนั้น เนื่องจากทางหน่วยราชการลดปริมาณน้ำในเขื่อนเพื่อการซ่อมแซมสะพานมอญทำให้เราได้เยี่ยมชมโบสถ์แบบเต็ม ๆ  หลังกัน


ป้ายห้าม
ป้ายห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปใกล้บริเวณที่สะพานขาด

หมาน้อย
แวะเล่นกับน้องหมาก่อนไปถึงเรือโดยสาร

นอนสบาย
น้องหมาตัวนี้นอนสบายจัง

เรือพาเที่ยว
บรรยากาศที่จะได้พบเห็นจากการนั่งเรือเพื่อไปชมโบสถ์จมน้ำ

บรรยากาศบนเรือ
อีกสักภาพ

โบสถ์
โบสถ์จมน้ำในวันที่ไม่จมน้ำ

ขายดอกไม้
เด็กสาวชาวมอญขายดอกไม้บูชา ณ โบสถ์จมน้ำ

เศียร
เศียรพระพุทธรูปมองออกไปยังแม่น้ำสายนี้

โบสถ์
อีกสักมุม

เห็นเจดีย์จากแม่น้ำด้วยหละ

ขาใหญ่เฝ้าหัวเรือในคณะเดินทางครั้งนี้

แม่ชีมอญแต่งกายชุดชมพูดูสวยงามยิ่ง

ข้อคิดเล็ก ๆ  จากโต๊ะ ณ ร้านกาแฟ
     หลังจากนั้นพวกเราก็เก็บข้าวของเดินทางกลับเนื่องจากยังมีจุดหมายอื่นที่ต้องไปต่อ ขอเก็บไว้เขียนคราวหน้านะครับ >_<

สรุป
     - สังขละบุรีเป็นเมืองที่สงบเงียบมาก หากเผลอตัวอาจจะไม่อยากกลับมาทำงานเลยก็เป็นได้
     - การเดินทางสะดวกสบายไม่ยากลำบาก แต่ควรให้ผู้ชำนาญการขับขี่เป็นผู้ขับจะดีกว่า
     - สะพานมอญในวันนี้ซ่อมเสร็จแล้ว ภาพสะพานมอญที่ขาดนั้นคาดว่าจะไม่มีอีกแล้ว
     - สาวมอญน่ารักและสวยจนอยากให้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง
     - ที่พักที่สังขละบุรีมีมากมาย หลายระดับ รวมทั้งโฮมสเตย์ก็เช่นกัน

ปล. ชอบก็แชร์ได้นะครับ...

--- Share this ---
อ่านต่อ...