วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เที่ยวภูสอยดาวหน้าฝนกับบรรยากาศดี ๆ

     ภูสอยดาวนับเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่ผมอยากไปมานานแล้ว และในที่สุดก็หาโอกาสไปได้สักที ทริปนี้เดินทาง 2 คน เพื่อจะได้ช่วยเหลือกันได้เวลาเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา

     ภูสอยดาวนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ 2 จังหวัดคือ อุตรดิตถ์และพิษณุโลก สามารถเที่ยวได้ทั้งฤดูฝน (อิ่มเอมกับทุ่งดอกหงอนนาค) และฤดูหนาว (เต็มอิ่มกับการอยู่ท่ามกลางทะเลหมอก) การเดินทางสามารถมาได้หลายเส้นทางและหลายรูปแบบทั้งรถส่วนตัว รถประจำทาง หรือรถไฟแล้วต่อรถประจำทาง โดยในครั้งนี้ผมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ขับไปจนถึงพิษณุโลกแล้วตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 11 > 1246 > 1143 > 1268 จนถึงอุทยาน (พิกัด 17.811823, 100.937326) ซึ่งเส้นทางนั้นยังดีอยู่มากเมื่อเทียบกับเส้นทางอื่นเมื่อสอบถามจากกลุ่มอื่นที่เดินทางไปกัน

     ผมและเพื่อนออกเดินทางตั้งแต่เวลาประมาณ 4 ทุ่มจากกรุงเทพฯ แวะพักเติมก๊าซ NGV ทุก 100 กว่ากิโลเมตร (ประหยัดค่าเดินทาง >.<) และแวะกินแวะพักกันเรื่อย จนไปถึงที่อุทยานประมาณ 7 โมงเช้า ระยะทางประมาณ 540 กม.

     เมื่อไปถึงเราจะต้องรอที่ทำการอุทยานเปิดประมาณ 8.00 น. ระหว่างนั้นก็พักกินข้าวกินปลาตรงร้านค้าหน้าที่ทำการ พ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นก็คือชาวบ้านระแวกนั้นนั่นเอง ราคาอาหารก็ไม่แพง รสชาติก็พอรับได้ครับ

กาแฟดำ
เติมพลังงานด้วยกาแฟดำแต่เช้า
      เมื่อถึงเวลา 8.00 น. ก็ได้เวลาไปจ้างลูกหาบ จ่ายค่าเข้าอุทยาน ค่าถุงดำ เพื่อเตรียมตัวขึ้นอุทยาน บรรดาลูกหาบทั้งหลายก็ถามว่าพวกเราขึ้นไปค้างกี่วัน เนื่องจากได้เวลามาน้อยจึงค้างแค่คืนเดียว ลูกหาบจึงบอกว่าน่าเสียดาย เพราะถ้าค้างสัก 2 คืน จะสามารถเที่ยวบนภูสอยดาว และน้ำตกต่าง ๆ  ได้ครบและคุ้มค่า
บอกระยะทาง
ป้ายทางขึ้น กับระยะทาง 6.5 กม.
     โดยการขึ้นไปยังลานสนและลานกางเต๊นบนภูสอยดาวนั้น จะต้องอาศัยการเดินทางขึ้นไปเป็นระยะทาง 6.5 กม. ใช้เวลาการเดินทางตามแต่ละคน โดยผมใช้เวลาไป 6 ชั่วโมงครึ่ง เนื่องจากแวะถ่ายรูปตลอดทาง ส่วนลูกหาบนั้นจะแบกของตามเราไปทีหลัง แต่ก็แซงเราขึ้นไปรอบนภูอยู่ดี ลูกหาบที่พวกเราได้มาช่วยแบกของให้นั้นเป็นคุณลุงที่ใจดีและคุยเก่งมาก ท่านจึงชอบนั่งรอเราเดินขึ้นไปตามจุดพักต่าง ๆ  เพื่ออยู่คุยเป็นเพื่อนกัน อีกทั้งยังบอกด้วยว่าภูสอยดาวสามารถขึ้นมาด้วยรถยนต์ 4WD ได้ด้วย!!!


เนินแรก
เนินแรกก็หมดแรงแล้ว...

ยิ่งเดินยิ่งโหด
ข้างหน้าเป็นเนินปราบเซียน ขอเก๊กก่อนขึ้นละกัน!!!
     โดยเนินแรกๆ นั้น บรรยากาศจะประมาณว่าเดินลุยป่า ส่วนเนินช่วงกลาง ๆ  จะเริ่มขึ้นลงเนินลูกเล็ก ๆ  และเนินท้าย ๆ  นั้น... นรกครับ สูงและชันมาก ทั้งผมและเพื่อนร่วมทางจากกลุ่มอื่นก็มีตะคริวกินกันไปบ้าง แต่ก็ไปจนถึงเป้าหมายได้ในที่สุด ระหว่างทางก็มีฝนตกบ้างเป็นพัก ๆ


Panorama
วิวระหว่างทาง

คนจับจองกันเกือบเต็ม
ลานกางเต๊น
     ทริปนี้ได้เพื่อนร่วมทางมากมาย ต่างเดินต่างคุยเล่นกันไปตามทางจนไปถึงจุดหมายเรา ลุงลูกหาบก็ใจดีมากครับ เห็นว่าพวกผมหมดสภาพแล้ว จึงอาสาช่วยเลือกทำเลและกางเต๊นให้ โดยในวันแรกนั้นที่ขึ้นไปถึง กางเต๊นเสร็จก็กินข้าวและนอนทันทีครับ (หมดสภาพ 555+) ส่วนอาหารการกินของพวกผมนั้นก็ง่าย ๆ  ครับ อาหารจาก 7-11 ที่เหมือนจะไปเหมามา เพราะกลัวอดตายบนภู เนื่องจากไม่คิดจะทำกินเองเลย (ขี้เกียจครับ)

     ในคืนแรกนั้น ฝนตกหนักมาก ถึงขนาดที่เต๊นมีเสียหลักไปบ้าง แต่ก็หลับทั้งอย่างนั้นแหละครับ (ไม่รู้ตัว เพื่อนปลุกก็ไม่ตื่น) ตื่นมาอีกทีประมาณตี 3 ซึ่งฝนหยุดแล้ว กะว่าจะออกมาถ่ายดาวบนฟ้า เผื่อจะสอยลงมาเคียงข้างสักดวง แต่ก็ทนถ่ายรูปไม่ไหว เพราะมันหนาวมาก เนื่องจากลืมเสื้อกันหนาวไป เพื่อน ๆ   ที่จะไปกันก็อย่าลืมนะครับ เดี๋ยวพลาดบรรยากาศยามค่ำคืน

     บนภูสอยดาวนั้น ที่ลานกางเต๊นและใกล้เคียง จะไม่มีไฟฟ้า และร้านค้านะครับ ควรเตรียมเสบียงและสิ่งของเครื่องใช้ไปให้พร้อม ส่วนลูกหาบจะมีบริการพิเศษคือฝากซื้อข้าวและน้ำขึ้นมาในวันถัดไปได้ ส่วนการเข้าห้องน้ำ หรืออาบน้ำนั้น จะต้องเช่าถังและขันน้ำเพื่อไปตักน้ำจากลำธารบริเวณนั้นมาใช้เอง และไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ใช้นะครับ จะมีเฉพาะ AIS บริเวณแถบชายแดนกับเพื่อนบ้าน ซึ่งเดินจากลานกางเต๊นไปไม่ไกล

     เช้าวันที่ 2 พอตื่นมาด้วยความที่ต้องการจะเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้น ผมจึงรีบคว้ากล้องไปหามุมถ่ายรูป โดยที่ทิ้งเพื่อนไว้ที่เต๊น 555+ 


พระอาทิตย์ขึ้น
พระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว!! ลิบๆ หลังเขานู่น

บรรยากาศสดชื่น
หันมาถ่ายทางเดินสักหน่อย

สว่างสุด ๆ
แสงยามเช้านี่มันดีจริง ๆ  ครับ

ตัดกันสวยงาม
แสงก็มี หมอกก็พร้อม ฟินดีจริง ๆ
     เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นเรียบร้อย ท้องก็ร้อง เดินกลับมาหาเพื่อน... ไม่เจอ!!! เพื่อนหายครับ เห็นอีกที เดินถ่ายรูปเพลินไปแล้ว ผมจึงหามุมถ่ายรูปส่วนที่เหลือเพิ่ม


ยังไม่บาน
ดอกหงอนนาคยามต้องแสงอาทิตย์ขณะยังไม่บาน

สูงตระหง่าน
ต้นส้นสูงตะหง่าน

สุดลูกหูลูกตา
วิวจากบนยอดภูสอยดาว

ชิลๆ
นั่งซึมซับบรรยากาศสักหน่อย

น้ำค้างเกาะ
รูปดอกหงอนนาคอีกสักหน่อย ยังไม่บานเช่นเดิม คาดว่าจะบานตอนสาย ๆ
      หลังจากเก็บรูปบรรยากาศเสร็จ ก็ทานมื้อเช้าและเตรียมตัวลง ลุงลูกหาบก็ใจดีมาช่วยเราเก็บของอีกเช่นเคย แถมยังบอกอีกว่า ถ้าตื่นเช้ากว่านี้ หมอกจะสวยมาก ๆ  ตอนลุงเดินขึ้นมานี่บรรยากาศสวยสุด ๆ  เลยอ่ะ!!!


บอกระดับความสูง
ถ่ายรูปป้ายผู้พิชิตก่อนจะลงจากภูสอยดาว ตอนขึ้นลืมถ่าย -*-

เดินเลาะตามทาง
ตอนขึ้นไม่ยักจะรู้ตัวว่าเดินเลาะริมผานะเนี่ย
แสงชัน
นี่คือความสูงชันที่เราต้องเดินลง ตอนขึ้นแทบตาย ตะคริวกินแถวนี้แหละ ดิ้นพล่านเลยทีเดียว
     การเดินทางลงจากภูสอยดาวนั้นสบายมาก ๆ  ก็เดินลงนี่นะ แต่ก็ใช้เวลาเท่าตอนขาขึ้นเลย...


เมฆหมอก
ผู้ร่วมทางกลุ่มอื่น กำลังยืนเก็บบรรยากาศ

สวยงามจับตา
ขอเก็บบรรยากาศกับเค้าบ้าง

กล้ามโต
ถ่ายกล้ามลูกหาบของกลุ่มอื่นมาให้ดูเล่น

     ภาพเก็บตกระหว่างทาง...



     หลังจากลงมาถึงบริเวณที่ทำการอุทยาน ลุงลูกหาบก็หิ้วของไปรอเราเรียบร้อย โดยเราจะต้องนำถุงดำซึ่งใส่ขยะจากบนภูไปส่งให้เจ้าหน้าที่พร้อมทั้งรับบัตรประชาชนคืนมา และเดินทางกลับ


เส้นทางขากลับ ขามามืดจัดไม่ได้เสพย์วิวเลย

สรุป
     - ทริปนี้คุ้มค่ามาก ๆ  ใครที่ลังเลอยู่ ควรรีบจัด ไม่ต้องลังเลแล้ว
     - ผู้เดินทางควรเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายไว้ เพื่อไปให้ถึงฝัน
     - อาหารการกิน ข้าวของเครื่องใช้ ควรเตรียมพร้อมก่อนจะขึ้นภู
     - เต๊นมีให้เช่าจากทางอุทยาน
     - ควรมีผู้ร่วมทางเพื่อช่วยเหลือกันเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

ปล. ใครจะไป ชวนผมด้วยนะ >///<

--- Share this ---