ภูสอยดาวนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ 2 จังหวัดคือ อุตรดิตถ์และพิษณุโลก สามารถเที่ยวได้ทั้งฤดูฝน (อิ่มเอมกับทุ่งดอกหงอนนาค) และฤดูหนาว (เต็มอิ่มกับการอยู่ท่ามกลางทะเลหมอก) การเดินทางสามารถมาได้หลายเส้นทางและหลายรูปแบบทั้งรถส่วนตัว รถประจำทาง หรือรถไฟแล้วต่อรถประจำทาง โดยในครั้งนี้ผมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ขับไปจนถึงพิษณุโลกแล้วตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 11 > 1246 > 1143 > 1268 จนถึงอุทยาน (พิกัด 17.811823, 100.937326) ซึ่งเส้นทางนั้นยังดีอยู่มากเมื่อเทียบกับเส้นทางอื่นเมื่อสอบถามจากกลุ่มอื่นที่เดินทางไปกัน
ผมและเพื่อนออกเดินทางตั้งแต่เวลาประมาณ 4 ทุ่มจากกรุงเทพฯ แวะพักเติมก๊าซ NGV ทุก 100 กว่ากิโลเมตร (ประหยัดค่าเดินทาง >.<) และแวะกินแวะพักกันเรื่อย จนไปถึงที่อุทยานประมาณ 7 โมงเช้า ระยะทางประมาณ 540 กม.
เมื่อไปถึงเราจะต้องรอที่ทำการอุทยานเปิดประมาณ 8.00 น. ระหว่างนั้นก็พักกินข้าวกินปลาตรงร้านค้าหน้าที่ทำการ พ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นก็คือชาวบ้านระแวกนั้นนั่นเอง ราคาอาหารก็ไม่แพง รสชาติก็พอรับได้ครับ
เติมพลังงานด้วยกาแฟดำแต่เช้า |
ป้ายทางขึ้น กับระยะทาง 6.5 กม. |
เนินแรกก็หมดแรงแล้ว... |
ข้างหน้าเป็นเนินปราบเซียน ขอเก๊กก่อนขึ้นละกัน!!! |
วิวระหว่างทาง |
ลานกางเต๊น |
ในคืนแรกนั้น ฝนตกหนักมาก ถึงขนาดที่เต๊นมีเสียหลักไปบ้าง แต่ก็หลับทั้งอย่างนั้นแหละครับ (ไม่รู้ตัว เพื่อนปลุกก็ไม่ตื่น) ตื่นมาอีกทีประมาณตี 3 ซึ่งฝนหยุดแล้ว กะว่าจะออกมาถ่ายดาวบนฟ้า เผื่อจะสอยลงมาเคียงข้างสักดวง แต่ก็ทนถ่ายรูปไม่ไหว เพราะมันหนาวมาก เนื่องจากลืมเสื้อกันหนาวไป เพื่อน ๆ ที่จะไปกันก็อย่าลืมนะครับ เดี๋ยวพลาดบรรยากาศยามค่ำคืน
บนภูสอยดาวนั้น ที่ลานกางเต๊นและใกล้เคียง จะไม่มีไฟฟ้า และร้านค้านะครับ ควรเตรียมเสบียงและสิ่งของเครื่องใช้ไปให้พร้อม ส่วนลูกหาบจะมีบริการพิเศษคือฝากซื้อข้าวและน้ำขึ้นมาในวันถัดไปได้ ส่วนการเข้าห้องน้ำ หรืออาบน้ำนั้น จะต้องเช่าถังและขันน้ำเพื่อไปตักน้ำจากลำธารบริเวณนั้นมาใช้เอง และไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ใช้นะครับ จะมีเฉพาะ AIS บริเวณแถบชายแดนกับเพื่อนบ้าน ซึ่งเดินจากลานกางเต๊นไปไม่ไกล
เช้าวันที่ 2 พอตื่นมาด้วยความที่ต้องการจะเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้น ผมจึงรีบคว้ากล้องไปหามุมถ่ายรูป โดยที่ทิ้งเพื่อนไว้ที่เต๊น 555+
พระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว!! ลิบๆ หลังเขานู่น |
หันมาถ่ายทางเดินสักหน่อย |
แสงยามเช้านี่มันดีจริง ๆ ครับ |
แสงก็มี หมอกก็พร้อม ฟินดีจริง ๆ |
ดอกหงอนนาคยามต้องแสงอาทิตย์ขณะยังไม่บาน |
ต้นส้นสูงตะหง่าน |
วิวจากบนยอดภูสอยดาว |
นั่งซึมซับบรรยากาศสักหน่อย |
รูปดอกหงอนนาคอีกสักหน่อย ยังไม่บานเช่นเดิม คาดว่าจะบานตอนสาย ๆ |
ถ่ายรูปป้ายผู้พิชิตก่อนจะลงจากภูสอยดาว ตอนขึ้นลืมถ่าย -*- |
ตอนขึ้นไม่ยักจะรู้ตัวว่าเดินเลาะริมผานะเนี่ย |
นี่คือความสูงชันที่เราต้องเดินลง ตอนขึ้นแทบตาย ตะคริวกินแถวนี้แหละ ดิ้นพล่านเลยทีเดียว |
ผู้ร่วมทางกลุ่มอื่น กำลังยืนเก็บบรรยากาศ |
ขอเก็บบรรยากาศกับเค้าบ้าง |
ถ่ายกล้ามลูกหาบของกลุ่มอื่นมาให้ดูเล่น |
ภาพเก็บตกระหว่างทาง...
หลังจากลงมาถึงบริเวณที่ทำการอุทยาน ลุงลูกหาบก็หิ้วของไปรอเราเรียบร้อย โดยเราจะต้องนำถุงดำซึ่งใส่ขยะจากบนภูไปส่งให้เจ้าหน้าที่พร้อมทั้งรับบัตรประชาชนคืนมา และเดินทางกลับ
เส้นทางขากลับ ขามามืดจัดไม่ได้เสพย์วิวเลย |
สรุป
- ทริปนี้คุ้มค่ามาก ๆ ใครที่ลังเลอยู่ ควรรีบจัด ไม่ต้องลังเลแล้ว
- ผู้เดินทางควรเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายไว้ เพื่อไปให้ถึงฝัน
- อาหารการกิน ข้าวของเครื่องใช้ ควรเตรียมพร้อมก่อนจะขึ้นภู
- เต๊นมีให้เช่าจากทางอุทยาน
- ควรมีผู้ร่วมทางเพื่อช่วยเหลือกันเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ปล. ใครจะไป ชวนผมด้วยนะ >///<
--- Share this ---