วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ไหว้พระโคราช 9 วัดไม่ไหว ขอ 3 วัดพอแล้วกัน

     เรื่องราวครั้งนี้คือการเดินทางไหว้พระอย่างแท้จริง เพราะทั้งทริปมีแต่วัด แต่ผมคงไม่สามารถจะลุยไหว้พระ 9 วัดในวันเดียวแบบที่ผู้คนนิยมกัน ขอแค่ 3 วัดก็อิ่มใจแล้ว เพราะจัดแต่วัดเด็ด ๆ  ทั้งนั้น

     วัดแรกที่ไปนั้นคือวัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม (พิกัด 14.616220, 101.265558) วัดนี้เป็นวัดที่หากมองเข้ามาจากถนนมิตรภาพ จะเห็นพระองค์ใหญ่สีขาวตั้งตระหง่านอยู่แต่ไกล


พระพุทธสกลสีมามงคล วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม
พระพุทธสกลสีมามงคล ตั้งตระหง่านเห็นได้แต่ไกล

     ตอนที่ไปถึงนั้น ยังเป็นเวลาเช้าอยู่ที่นักท่องเที่ยวแทบไม่มีมาเลย ดังนั้นการถ่ายรูปก็เป็นเรื่องง่ายดาย จอดแวะถ่ายทุกช่วงถนนเลย!!!


พระพุทธสกลสีมามงคล วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม
พระพุทธสกลสีมามงคลองค์ใหญ่และองค์เล็ก

     จนมาถึงภายในวัด ซึ่งจะเห็นพระพุทธสกลสีมามงคลองค์เล็กตั้งอยู่ข้างล่างและมีองค์ใหญ่ตั้งอยู่ข้างบน แต่การมาถึงวัดนี้ จะมีสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการขึ้นบันไดจำนวน 1,250 ขั้น เพื่อขึ้นไปสักการะองค์ใหญ่ และมองภาพมุมสูงอันงดงามของบริเวณนี้


ทางขึ้น วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม
ทางขึ้นแบบสบาย ๆ
มุมสูง วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม
มุมมองจากข้างบน
พระพุทธสกลสีมามงคล แบบใกล้ ๆ
ดูใกล้ ๆ  ใหญ่จริง ๆ


     หลังจากเสร็จภารกิจที่วัดแรกแล้ว ผมและเพื่อน ๆ  ตั้งใจจะไปต่อยังตลาดน้ำกลางดงที่อยู่ใกล้ ๆ  กับวัดมาก ๆ  แต่เมื่อไปถึง ก็เปลี่ยนใจกลับกันทันที เนื่องจากไม่ใช่สิ่งที่ต้องการดังที่คิดไว้ พวกเราจึงเลือกที่จะเดินทางต่อ และไปแวะพักทานอาหารกันที่ร้านแซ่บ ไก่ย่างเขาสวนกวาง (พิกัด 14.657821, 101.345126)  ซึ่งราคาและรสชาติอยู่ระดับกลาง ๆ  ใช้ได้ แต่ออกหวานไปนิด


รายการอาหาร ร้านแซ่บ ไก่ย่างเขาสวนกวางส้มตำทอด ร้านแซ่บ ไก่ย่างเขาสวนกวาง
ส้มตำไทย ร้านแซ่บ ไก่ย่างเขาสวนกวางไก่ย่างเขาสวนกวาง ร้านแซ่บ


     หลังจากเติมเสบียงกันเรียบร้อย วัดต่อไปนั้นถือเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวต่างมากันมากมาย ซึ่งก็คือวัดโนนกุ่ม (พิกัด 14.871680, 101.734469) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าวัดสรพงษ์ เพราะหากไปในวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะได้พบกับสรพงษ์นั่นเอง แต่มาทีไรก็สร้างไม่เสร็จสักที มีการขยายต่อเติมเรื่อย ๆ  ตลอดเวลา


วัดสรพงษ์
วัดโนนกุ่ม

     และวัดสุดท้ายซึ่งตั้งเป้าว่าจะไปก็คือวัดบ้านไร่ หรือวัดหลวงพ่อคูณ ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา นี้เอง (พิกัด 15.299330, 101.737043)

     ซึ่งในวันที่ไปนั้น ไปได้เวลาที่หลวงพ่อคูณลงมาให้ลูกศิษย์ได้เข้าเยี่ยมพอดี ทำให้คนในวัดเยอะมาก ๆ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะไฮไลท์ของผมนั้นคือวิหารเทพวิทยาคม


วิหารเทพวิทยาคม วัดบ้านไร่
วิหารเทพวิทยาคม

     โดยวิหารนี้เป็นวิหารสร้างใหม่ ซึ่งภายในจะมีงานจิตรกรรม และคำสอนทางศาสนามากมาย เรียกว่าเดินชมได้นานทีเดียว 


ภายในวิหารเทพวิทยาคม วัดบ้านไร่
ภายในวิหารเทพวิทยาคม


     หลังจากนั้นก็เข้าไปต่อยังพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมประวัติของวัดบ้านไร่และหลวงพ่อคูณไว้ รวมทั้งคำสอนของหลวงพ่อคูณเช่นกัน


ข้างหน้าพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ
ข้างหน้าพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ แฝงปริศนาธรรมไว้มากมาย แต่ผมไม่รู้ ดูไม่ออก -_-"
คำสอนหลวงพ่อคูณ
ธรรมะข้างบันได หลวงพ่อคูณ
รูปจำลอง หลวงพ่อคูณ
พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ
วิดีทัศน์จำลองตอนเดินธุดงค์
วิดีทัศน์จำลองตอนเดินธุดงค์

     จบแล้วครับ สำหรับทริปไหว้พระแบบชิล ๆ :D

--- Share this ---
อ่านต่อ...

วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ก๋วยเตี๋ยวปลาอินทรีย์จิ้มจุ่มที่สดอร่อย ๆ ถูกปาก ณ จังหวัดระยอง

     ใคร ๆ  ก็ว่ากันว่า ของอร่อย ๆ  ไกลแค่ไหนก็ไปกินได้ วันนี้ผมจึงนำก๋วยเตี๋ยวปลาอินทรีย์จิ้มจุ่มที่เนื้อปลาแน่น สด อร่อย เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแสนอร่อย และลูกชิ้นทำเองจากทางร้าน โดยร้านนี้ตั้งอยู่ที่ตรงข้ามโรงเรียนวัดตะพงนอก ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง ตรงทางแยกเข้าหาดแม่รำพึง พิกัดร้าน 12.649270, 101.347136
     โดยร้านนี้เปิดช่วงสาย ๆ ถึงบ่าย ๆ เท่านั้นเอง ใครผ่านไปช่วงกลางวันก็ลองแวะทานกันดูครับ ส่วนรายการอาหารมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว ข้าว หรือปลาลวกจิ้ม

ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำปลาอินทรีย์ ระยอง
ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำปลาอินทรีย์ ชามนี้ 40 บาทเท่านั้นเอง

--- Share this ---
อ่านต่อ...

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ผัดซีอิ้ว ทำง่าย กินง่าย อร่อยง่าย ๆ

ผัดซีอิ้วหมู

     อาหารที่หยิบมาเขียนวันนี้ ก็เลือกอาหารง่าย ๆ อีกเช่นเคย ซึ่งก็คือ ผัดซีอิ้ว ซึ่งถือเป็นอาหารจานด่วนที่หาซื้อกินง่ายมาก แต่ทำเองกลับง่ายยิ่งกว่า

วัตถุดิบ :
     ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก เส้นใหญ่ หมี่ หรืออะไรก็ได้ตามชอบ
     ผักคะน้า
     แครอท
     ข้าวโพดอ่อน
     กระเทียม
     หมูสับ หรือเนื้ออื่น ๆ ตามแต่ชอบ
     ซีอิ้วดำ
     ซีอิ้วขาว 1-2 ช้อนโต๊ะ
     น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
     น้ำมัน

วัตถุดิบ


วิธีการทำ :
      นำเส้นก๋วยเตี๋ยวมาคลุกกับซีอิ้วดำให้ทั่วทั้งหมด แล้วตั้งพักไว้ หลังจากนั้นตั้งกระทะเพื่อเจียวกระเทียมให้หอม แล้วนำหมูสับลงไปทอดให้สุก ตามด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยวที่คลุกกับซีอิ้วดำในตอนแรก และผักต่าง ๆ ผัดรวมกันให้สุกดี แล้วจึงปรุงรสด้วยซีอิ้วขาวและน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากันอีกครั้งแล้วตักใส่จานเสิร์ฟ

--- Share this ---
อ่านต่อ...

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เต้าหู้ทรงเครื่อง อาหารทำง่าย หัดทำครั้งแรกยังน่าทาน!

เต้าหู้หมูสับทรงเครื่อง

     ขอออกตัวก่อนเลยว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมานั้น ผมคิดมาตลอดว่าเมนูนี้มันทำยาก เลยขอเป็นผู้ทานแต่ฝ่ายเดียว แต่ในวันนี้เกิดนึกอยากทำเอง และไม่น่าเชื่อว่ามันทำง่ายกว่าที่เคยคิดไว้เยอะ!!!

วัตถุดิบที่ใช้ (สำหรับทาน 1 คน) :
     - เต้าหู้ไข่ 1 หลอด
     - หมูสับ หรือเนื้ออะไรก็ได้ ตามแต่จะหาได้ ณ เวลานั้น ไม่ต้องเยอะ
     - กระเทียมเจียว 2 ช้อนชา
     - ข้าวโพดอ่อน 1 ฝัก
     - มะเขือเทศ 1 ลูก
     - แครอทหัวเล็ก ๆ 1 หัว
     - ผักชีหรือต้นหอม ไว้โรยหน้า
     - ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
     - เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
     - พริกไทย 1/2 ช้อนชา
     - น้ำตาล 2 ช้อนชา
     - น้ำชุปครึ่งถ้วย
     - แป้งข้าวโพดละลายน้ำ 1/4 ถ้วย
     - แป้งสาลีหรือแป้งเทมปุระ
หมายเหตุ : เครื่องปรุงปรับอัตราส่วนตามความชอบแต่ละคน ผักที่ใส่เปลี่ยนแปลงได้ตามแต่จะมี

ขั้นตอนการทำ :
     เริ่มแรกให้นำเต้าหู้หลอดหันขวาง ไม่ต้องหนา แล้วชุบแป้งเทมปุระให้ทั่วแบบบาง ๆ แล้วลงทอดในน้ำมันร้อน ๆ  ไฟแรงให้เหลืองทั่วดังรูป แล้วนำขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน

เต้าหู้ทอด สำหรับเต้าหู้ทรงเครื่อง

     ต่อมาก็เทน้ำมันออกให้เหลือนิดหน่อย เปิดไฟกลาง นำหมูสับลงไปทอดให้สุก จากนั้นใส่กระเทียมเจียว แล้วใส่ผักต่าง ๆ  ตามลงไป ผัดให้ดูว่าสุกแล้วจึงใส่น้ำชุป และเครื่องปรุงต่าง ๆ  ลงไปผัดให้ทั่วถึง แล้วจึงใส่แป้งข้าวโพดละลายน้ำลงไป คนให้ทั่วถึงและดูว่าข้นได้ที่แล้วนำมาเทราดบนเต้าหู้ทอดที่เตรียมไว้ จากนั้นแต่งหน้าด้วยผักชีและต้นหอม เป็นอันเสร็จสิ้น

--- Share this ---
อ่านต่อ...

วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วัดถ้ำเสือ - วัดบ้านถ้ำ วัดขึ้นชื่อเมืองกาญจนบุรี

     ทริปนี้ลุยเดี่ยวไปด้วยความที่คิดว่ามันชิล ๆ  เพราะก็แค่ไหว้พระและเป็นทางผ่านที่ผมไปทำงานพอดีจึงขอแวะสักหน่อย แต่เอาเข้าจริงกลับเหนื่อยแฮะ!!! จะเหนื่อยยังไงก็ลองอ่านดูครับ

     โดยเริ่มกันที่วัดแรก วัดถ้ำเสื้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี (พิกัด 13.953417, 99.605659) วัดนี้เคยมาแล้วครั้งนึง เมื่อนานมาแล้ว การกลับมาครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากครั้งเดิม มาในวันทำงาน ผู้คนไม่มากไม่มาย จะมีก็เพียงแต่นักท่องเที่ยวที่ทัวร์พามาลง ที่วัดถ้ำเสือนี้จะมีลานจอดรถที่ข้างล่าง ส่วนพระประธานองค์ใหญ่โตที่ใคร ๆ ก็ต่างมาไหว้นั้นจะต้องขึ้นภูเขาไปไม่สูงเท่าไร แต่สำหรับคนที่ไม่ไหวก็จะมีรถกระเช้าคอยบริการรับส่งขึ้นลง


วัดถ้ำเสื้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
มุมนี้ยิ่งใหญ่อลังการ
วัดถ้ำเสื้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
ชมจากอีกข้างก็งามไม่ต่างกัน
วัดถ้ำเสื้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
มุมนี้ต้องปีนขึ้นเจดีย์ข้าง ๆ แล้วค่อยมองลงมา

     หลังจากนั้นผมก็ไปต่อที่วัดบ้านถ้ำ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี (พิกัด 13.970466, 99.578748) และที่วัดนี้เอง ที่ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าการเที่ยววัดมันเหนื่อยจริง ๆ นะ!!! ส่วนสาเหตุนั้น ก็เพราะผมคิดว่าวัดนี้มีนิดเดียว แต่จริง ๆ  ผมเดินขึ้นไปถึงบนยอดเขาที่เห็นเจดีย์อยู่ไกลสุด ๆ ตามภาพข้างล่างครับ...


วัดบ้านถ้ำ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
จุดเริ่มต้นของการเดินขึ้นเขาไหว้พระ...

     โดยก่อนที่ผมจะขึ้นไป ผมคิดว่าที่วัดนี้น่าจะมีแค่เดินทะลุมังกรเข้าไปไหว้พระในถ้ำที่ปลายหางมังกร แต่แท้จริงแล้วเมื่อผมไปถึงกลับพบว่ามีป้ายบอกทางไปยังอีกถ้ำต่อ นั่นก็คือถ้ำม่านวิจิตร ชื่อก็อลังการงามขนาดนี้ แล้วจะไม่ไปต่อได้ยังไง



มังกร วัดบ้านถ้ำ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
มังกรที่ทำให้ผมมาถึงที่วัดนี้
มังกร วัดบ้านถ้ำ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
ดูแบบใกล้ ๆ  แต่แดดแรงไปนะ
พระ วัดบ้านถ้ำ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
พระในถ้ำที่ปลายหางมังกร
     ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็นสุด ๆ  เวลาก็เที่ยงวันแล้ว ข้าวก็ยังไม่กิน จะเดินลงไปกินแล้วค่อยกลับขึ้นมาก็เสียเวลา และไม่รู้ว่าถ้ำม่านวิจิตรนั้นอยู่ไกลหรือใกล้แค่ไหน ผมจึงรีบทำเวลาด้วยการลุยทีเดียวให้จบแล้วค่อยลงมาพักผ่อนทีเดียว แต่หนทางข้างหน้านั้นกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะเส้นทางที่ไปนั้นไกลเกินกว่าที่คิดไว้มาก ถึงขนาดที่ว่าหลาย ๆ  คนที่ไปในเวลาใกล้เคียงกันเดินกลับลงมากลางทาง แต่ที่จริงเป็นเพราะแต่ละคนต่างขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าถ้ำมันอยู่ไกล เหมือนไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมากกว่า

     ส่วนรูประหว่างทางไม่มีนะครับ เพราะเวลานั้นผมคิดแต่ เมื่อไรจะถึง!? หลังจากที่เดินขึ้นมาเรื่อย ๆ  จนในที่สุดผมก็พบถ้ำม่านวิจิตร แต่ก็ต้องทำให้ผมลังเลอยู่สักระยะก่อนจะลุยเข้าไป เพราะเมื่อมองจากปากถ้ำลงไป มันมืดเกินไปนะ แถมคนอื่นก็ไม่กล้าเข้ากัน


ถ้ำม่านวิจิตร วัดบ้านถ้ำ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
ขึ้นมาตั้งไกล ทำไมยังต้องเดินลงอีก แล้วลงไปแค่ไหนกัน!?
ถ้ำม่านวิจิตร วัดบ้านถ้ำ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
บรรยากาศภายในถ้ำม่านวิจิตร

     จากปากถ้ำม่านวิจิตรนั้นยังมีทางให้เดินขึ้นไปต่อ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรเมื่อไปต่อ แต่ยังไงซะ เมื่อมาถึงที่ก็ต้องลุยให้สุดทาง จนในที่สุดก็เจอเจดีย์ข้างบน ที่ตอนแรกผมคิดว่าเป็นของวัดอื่น... ซึ่งบนนี้จะมีพระรูปนึงนั่งประจำอยู่ ท่านบอกกับผมว่าท่านเดินขึ้นลงทุกเช้าเย็นยังเหนื่อยเลย


เจดีย์ วัดบ้านถ้ำ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
เจดีย์บนยอดเขา วัดบ้านถ้ำ

     ส่วนขาลงนั้น ผมลงด้วยความรวดเร็วมาก เร็วจนงงว่าเอ๊ะ ถึงแล้วเหรอ ตอนขึ้นมันตั้งไกลนิหว่า...

--- Share this ---
อ่านต่อ...