หากพูดถึงวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่โด่งดังในช่วงต้นปี ที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็ให้ความสนใจไปในช่วงที่ผ่านมานั้นรับรองว่าต้องมีคิชฌกูฏร่วมเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนเอ่ยถึง
ซึ่งตัวผมเองก็ไม่พลาดที่จะไปเช่นกัน แต่ด้วยความที่หาเวลาได้ยากเย็นมาก จึงได้วันไปเอาวันท้าย ๆ ก่อนเทศกาลขึ้นเขาจะปิด จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ทำเอาตราตรึงใจไม่รู้ลืมกลับมาเลยทีเดียว
ในครั้งนี้ผมออกเดินทางในกลางคืนวันเสาร์ ไปถึงที่วัดกระทิงประมาณเที่ยงคืน แต่ที่จอดรถเต็ม ทางวัดจึงชี้ให้ไปขึ้นจากทางวัดพลวง ซึ่งในตอนนั้นเห็นถนนเบื้องหน้าโล่งมาก จึงคิดว่าไม่มีอะไรแค่ขับรถไปต่ออีกนิดหน่อย แต่ที่ไหนได้ เหมือนโดนวางกับดัก เป็นการตัดสินใจที่พลาดสุด ๆ เพราะแค่เลี้ยวผ่านแยกไปวัดพลวง ผมก็เจอกับขบวนรถติดที่หันหลังกลับไม่ได้แล้ว ไหลตาม ๆ กันจนไปถึงวัดและได้ที่จอดรถในเวลาตีหนึ่งเศษ ๆ
หลังจากนั้นผมจึงไปไหว้พระและจองตั๋วรถขึ้นเขา ได้คิวไม่ใกล้ไม่ไกล จองตั๋วตีสอง ได้คิวตอน 8 โมงเช้า ดังนั้น... คืนแรก นอนครับ ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว...
เช้าวันต่อมาหลังจากเสร็จภารกิจยามเช้า ผมจึงไปรอคิวต่อ ได้รถเอาจริง ๆ ก็ตอน 9 โมงนิด ๆ พร้อมกับคำพูดประทับใจจากเจ้าหน้าที่บางคำ ซึ่ง... ไว้ขอเล่าตอนจบ มันจะขัดอารมณ์ผู้อ่านในตอนนี้เปล่า ๆ
การขึ้นเขาจากทางวัดพลวงนั้น จะต้องขึ้นรถ 2 ต่อด้วยกัน ต่อละ 50 บาท เป็นรถ 4WD ที่ให้ความสนุกเหมือนกันเล่นเครื่องเล่นตามสวนสนุกเลยทีเดียว หลังจากขึ้นไปถึงแล้วนั้นก็จะต้องทำการเดินขึ้นไปยังรอยพระพุทธบาท ด้วยระยะทางสั้น ๆ แต่ด้วยความผิดพลาดในการเลือกวัน.... สถานการณ์จึงเป็นดั่งภาพนี้...
หลังจากที่ไหว้ตามจุดต่าง ๆ ระหว่างทาง และไหลไปตามกระแสมวลชนอันมหาศาล ผมจึงขึ้นไปถึงรอยพระพุทธบาทประมาณเที่ยงนิด ๆ ซึ่งแน่นอน ระยะทางใกล้ ๆ นี้ทำเอาเหนื่อยเลยทีเดียวเพราะต้องเบียดเสียดขึ้นมาตลอดทาง คงต้องขอพักผ่อนก่อนจะเข้าไปสักการะรอยพระพุทธบาท...
หลังจากที่พักผ่อนเสร็จ ผมจึงเริ่มไปยังจุดที่ผู้คนไปสักการะรอยพระพุทธบาทกัน แต่ภารกิจนี้ยากยิ่งกว่าตอนเดินขึ้นมาเสียอีก...
หลังจากรอหาช่องทางมุดเข้าไปสักพัก ไม่มีทีท่าว่าจะได้เข้าไป และฝนก็เริ่มตกลงมา ผมจึงเลือกที่จะหันหลังกลับ แม้แต่ผ้าแดงก็ไม่ได้ไป แต่ใครจะรู้ว่าฝูงชนขาลงนั้นไม่ด้อยไปกว่าขาขึ้นมาเลย!!!
ส่วนเหตุการณ์ที่ผมจะประทับใจไม่รู้ลืมเลยนั้น คงไม่พ้นระบบการจัดการต่อคิวรถ ที่มีการลัดคิวกันตลอดเวลา ถึงขนาดที่ว่าคนที่มีบัตรคิว ไม่ได้ขึ้นรถ เพราะโดนแทรกคิวจนรถเต็ม และการแทรกคิวสามารถทำได้โดยที่ไม่มีการตรวจเลขคิวเลย!!! แล้วจะรอคิวไป 8 ชม. ทำไมน่ะ!?? ส่วนเรื่องแย่ ๆ อย่างอื่น หลังไมค์เท่านั้นครับ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของผู้เขียน...
หากเพื่อน ๆ อยากไปสักการะรอยพระพุทธบาท ณ เขาคิชฌกูฏ ผมขอแนะนำให้ไปวันธรรมดาในปีถัด ๆ ไป ช่วงต้น - กลางเทศกาล จะได้รับความสะดวกสบายยิ่งกว่ากรณีผมมากมายครับ :D
--- Share this ---
อ่านต่อ...
ซึ่งตัวผมเองก็ไม่พลาดที่จะไปเช่นกัน แต่ด้วยความที่หาเวลาได้ยากเย็นมาก จึงได้วันไปเอาวันท้าย ๆ ก่อนเทศกาลขึ้นเขาจะปิด จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ทำเอาตราตรึงใจไม่รู้ลืมกลับมาเลยทีเดียว
ในครั้งนี้ผมออกเดินทางในกลางคืนวันเสาร์ ไปถึงที่วัดกระทิงประมาณเที่ยงคืน แต่ที่จอดรถเต็ม ทางวัดจึงชี้ให้ไปขึ้นจากทางวัดพลวง ซึ่งในตอนนั้นเห็นถนนเบื้องหน้าโล่งมาก จึงคิดว่าไม่มีอะไรแค่ขับรถไปต่ออีกนิดหน่อย แต่ที่ไหนได้ เหมือนโดนวางกับดัก เป็นการตัดสินใจที่พลาดสุด ๆ เพราะแค่เลี้ยวผ่านแยกไปวัดพลวง ผมก็เจอกับขบวนรถติดที่หันหลังกลับไม่ได้แล้ว ไหลตาม ๆ กันจนไปถึงวัดและได้ที่จอดรถในเวลาตีหนึ่งเศษ ๆ
หลังจากนั้นผมจึงไปไหว้พระและจองตั๋วรถขึ้นเขา ได้คิวไม่ใกล้ไม่ไกล จองตั๋วตีสอง ได้คิวตอน 8 โมงเช้า ดังนั้น... คืนแรก นอนครับ ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว...
เช้าวันต่อมาหลังจากเสร็จภารกิจยามเช้า ผมจึงไปรอคิวต่อ ได้รถเอาจริง ๆ ก็ตอน 9 โมงนิด ๆ พร้อมกับคำพูดประทับใจจากเจ้าหน้าที่บางคำ ซึ่ง... ไว้ขอเล่าตอนจบ มันจะขัดอารมณ์ผู้อ่านในตอนนี้เปล่า ๆ
การขึ้นเขาจากทางวัดพลวงนั้น จะต้องขึ้นรถ 2 ต่อด้วยกัน ต่อละ 50 บาท เป็นรถ 4WD ที่ให้ความสนุกเหมือนกันเล่นเครื่องเล่นตามสวนสนุกเลยทีเดียว หลังจากขึ้นไปถึงแล้วนั้นก็จะต้องทำการเดินขึ้นไปยังรอยพระพุทธบาท ด้วยระยะทางสั้น ๆ แต่ด้วยความผิดพลาดในการเลือกวัน.... สถานการณ์จึงเป็นดั่งภาพนี้...
หลังจากที่ไหว้ตามจุดต่าง ๆ ระหว่างทาง และไหลไปตามกระแสมวลชนอันมหาศาล ผมจึงขึ้นไปถึงรอยพระพุทธบาทประมาณเที่ยงนิด ๆ ซึ่งแน่นอน ระยะทางใกล้ ๆ นี้ทำเอาเหนื่อยเลยทีเดียวเพราะต้องเบียดเสียดขึ้นมาตลอดทาง คงต้องขอพักผ่อนก่อนจะเข้าไปสักการะรอยพระพุทธบาท...
หลังจากที่พักผ่อนเสร็จ ผมจึงเริ่มไปยังจุดที่ผู้คนไปสักการะรอยพระพุทธบาทกัน แต่ภารกิจนี้ยากยิ่งกว่าตอนเดินขึ้นมาเสียอีก...
หลังจากรอหาช่องทางมุดเข้าไปสักพัก ไม่มีทีท่าว่าจะได้เข้าไป และฝนก็เริ่มตกลงมา ผมจึงเลือกที่จะหันหลังกลับ แม้แต่ผ้าแดงก็ไม่ได้ไป แต่ใครจะรู้ว่าฝูงชนขาลงนั้นไม่ด้อยไปกว่าขาขึ้นมาเลย!!!
ส่วนเหตุการณ์ที่ผมจะประทับใจไม่รู้ลืมเลยนั้น คงไม่พ้นระบบการจัดการต่อคิวรถ ที่มีการลัดคิวกันตลอดเวลา ถึงขนาดที่ว่าคนที่มีบัตรคิว ไม่ได้ขึ้นรถ เพราะโดนแทรกคิวจนรถเต็ม และการแทรกคิวสามารถทำได้โดยที่ไม่มีการตรวจเลขคิวเลย!!! แล้วจะรอคิวไป 8 ชม. ทำไมน่ะ!?? ส่วนเรื่องแย่ ๆ อย่างอื่น หลังไมค์เท่านั้นครับ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของผู้เขียน...
หากเพื่อน ๆ อยากไปสักการะรอยพระพุทธบาท ณ เขาคิชฌกูฏ ผมขอแนะนำให้ไปวันธรรมดาในปีถัด ๆ ไป ช่วงต้น - กลางเทศกาล จะได้รับความสะดวกสบายยิ่งกว่ากรณีผมมากมายครับ :D
--- Share this ---